ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 46/2567 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ให้บริษัทประกันภัยเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภท (1, 2, 3, 2+ และ 3+) โดยมีข้อกำหนด ดังนี้
- การทำประกันรถยนต์กรณีใช้งานส่วนบุคคล ต้องทำประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่
- การทำประกันภัยรถยนต์สำหรับรถยนต์ใช้งานประเภทอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการใช้งานส่วนบุคคล ผู้ขับขี่ต้องทำประกันภัยแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่
นอกจากนี้ยังนำพฤติกรรมผู้ขับขี่ มาใช้เป็นปัจจัยในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัย เพื่อเพิ่มความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงในปัจจุบัน และเพื่อให้สามารถประเมินค่าเบี้ยประกันภัยได้ตามพฤติกรรมและความสามารถของผู้ขับขี่ และให้ส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมการขับขี่ดี และส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย มุ่งลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
เกณฑ์การระบุชื่อผู้ขับขี่
ผู้เอาประกันภัยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 ชื่อต่อกรมธรรม์ โดยผู้ขับขี่ 1 คน สามารถระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่ของรถกี่คันก็ได้ สามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ในตารางกรมธรรม์ได้ไม่เกิน 2 คน สำหรับกรณีระบุชื่อผู้ขับขี่เกิน 2 คนขึ้นไป บริษัทประกันภัยจะระบุชื่อผู้ขับขี่ทั้งหมดไว้ในเอกสารแนบท้าย
การเริ่มใช้บังคับเกณฑ์ใหม่ แบบระบุชื่อผู้ขับขี่
คปภ. อนุโลมให้บริษัทประกันภัยใช้การประกันภัยเกณฑ์เดิมได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เท่านั้น ก่อนจะเริ่มใช้บังคับ เกณฑ์ใหม่ แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ ดังนี้
- ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับรถยนต์จดทะเบียนใหม่ หรือรถป้ายแดงทุกคัน (อายุไม่เกิน 1 ปี)
- ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป สำหรับรถยนต์ทุกคัน
หากเกิดอุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่ไม่ได้ถูกระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์นั้น ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกเป็นจำนวน ดังนี้
- ขั้นต่ำ 2,000 บาท สำหรับความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี
- ขั้นต่ำ 6,000 บาท สำหรับความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกันภัย
พฤติกรรมผู้ขับขี่
พฤติกรรมผู้ขับขี่ คือพฤติกรรมการขับขี่ย้อนหลัง 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ขอเอาประกันภัย ซึ่ง คปภ. ได้กำหนดระดับความเสี่ยงเป็น ระดับ 1 ถึง ระดับ 5 และนำพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่แต่ละรายมาพิจารณารวมทั้งหมด ไม่ว่าผู้ขับขี่รายนั้นจะเป็นผู้เอาประกันภัยหรือไม่ก็ตาม
ในปีแรกผู้ขับขี่ทุกราย รวมถึงผู้ที่ระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่ครั้งแรก หรือผู้ที่ไม่เคยเปิดเผยพฤติกรรมการขับขี่มาก่อน จะถูกกำหนดระดับพฤติกรรมการขับขี่ที่ระดับ 1
- ในการต่ออายุประกันภัยปีถัดไป หากผู้ขับขี่ไม่มีการแจ้งเคลมโดยที่ตนเองเป็นฝ่ายผิดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บริษัทประกันภัยจะคำนวณค่าเบี้ยฯ โดยใช้พฤติกรรมการขับขี่ในระดับที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
- หากผู้ขับขี่มีการเกิดเหตุในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง บริษัทประกันภัยจะคำนวณเบี้ยประกันภัยโดยใช้พฤติกรรมการขับขี่ในระดับ 1
- หากมีการระบุชื่อผู้ขับขี่มากกว่า 1 คน หรือมีการเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่ บริษัทประกันภัย จะใช้ระดับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงสุดเป็นเกณฑ์ในการคำนวณอัตราเบี้ยประกัน
การเคลมฝ่ายผิดที่ไม่มีผลต่อการถูกปรับลดระดับพฤติกรรมผู้ขับขี่
- ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว
- ถูกกลั่นแกล้ง เช่น ถูกขีดสีรถ ถูกทุบรถ
- ความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการใช้รถยนต์ เช่น ต้นไม้ล้มใส่
ข้อแตกต่างของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เกณฑ์เดิม และ เกณฑ์ใหม่
สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานส่วนบุคคล
สำหรับการทำประกันภัย สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถที่ใช้งานประเภทอื่น ๆ ภายใต้เกณฑ์ใหม่ 2568 ผู้เอาประกันภัยที่ใช้งานรถส่วนบุคคลจะได้ส่วนลดตามพฤติกรรมการขับขี่
การให้ส่วนลดตามเกณฑ์ใหม่ของ คปภ.
คปภ. ได้พิจารณานำ พฤติกรรมการขับขี่ มาใช้เป็นปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัย เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบ และเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ เนื่องจากพฤติกรรมการขับขี่จะส่งผลโดยตรงต่อค่าเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงได้พัฒนาระบบตรวจสอบข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ซึ่งเชื่อมโยงกับจำนวนการเคลมที่เป็นฝ่ายผิดในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ส่วนลดจากปัจจัยนี้ รวมทั้งการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยใหม่ โดยให้ส่วนลดตามพฤติกรรมการขับขี่ สำหรับผู้ขับขี่ที่มีประวัติขับขี่ดีและไม่มีการเรียกร้องค่าสินไหม
ข้อแนะนำการระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์เกณฑ์ใหม่
1. ตรวจสอบจำนวนผู้ขับขี่ที่ระบุได้
- ผู้ขับขี่ที่ระบุไว้จะได้รับความคุ้มครองเต็มรูปแบบตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
- หากผู้ขับขี่ที่ไม่มีชื่อในกรมธรรม์เป็นผู้ขับในขณะเกิดอุบัติเหตุอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
2. เตรียมข้อมูลผู้ขับขี่ที่ต้องการระบุ
- ชื่อ - นามสกุล
- หมายเลขบัตรประชาชน และเลขที่ใบขับขี่
- วันเดือนปีเกิด
- ประวัติการขับขี่ (ถ้ามี) เพื่อพิจารณาส่วนลด
3. แจ้งข้อมูลกับบริษัทประกันภัย
- แจ้งข้อมูลผ่านตัวแทนประกันภัยหรือบริษัทประกันภัยโดยตรง
- หากทำประกันออนไลน์ให้กรอกข้อมูลผู้ขับขี่ในระบบตามที่บริษัทกำหนด
4. การคำนวณเบี้ยประกันภัย
- บริษัทประกันภัยจะเสนอค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความคุ้มครอง และความเสี่ยงตามข้อมูลเราที่ให้ไว้
5. ตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์ก่อนลงนาม
- ตรวจสอบชื่อผู้ขับขี่ที่แจ้ง ว่าถูกต้องและครบถ้วน
- ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้นในกรมธรรม์
- เก็บสำเนากรมธรรม์ไว้เผื่อใช้ในกรณีเคลมประกัน
6. อัปเดตรายชื่อผู้ขับขี่
- หากต้องการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มชื่อผู้ขับขี่ แจ้งบริษัทประกันภัยเพื่ออัปเดตข้อมูลได้ตลอดระยะเวลาการเอาประกันภัย อาจมีการปรับเบี้ยประกันขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับข้อมูลของผู้ขับขี่ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา